ยอมถอยสัก 1 ก้าว

                    การยอมรับว่าตัวเองอ่อนแอ บางครั้งก็ทำให้เราเข้มแข็งขึ้น เพราะสิ่งที่ตามมาหลังจากนั้นที่เราอ่อนแออย่างถึงที่สุดแล้ว มันจะเป็นการเรียนรู้เริ่มต้นใหม่ที่ดีเสมอ..เราลองปรับเปลี่ยนมุมมองของชีวิต ลองนึกถึงตัวเองให้น้อยลง แล้วคิดถึงผู้อื่นให้มากขึ้น เราก็จะมีความสุขได้ง่ายขึ้น...เอาใจเขามาใส่ใจเรา อย่าไปยึดติดกับความคิดส่วนตัวของตัวเองมากจนเกินไปจนลืมนึกถึงผู้อื่น...อย่าถือเอาความคิดของตัวเองเป็นใหญ่ จนมองข้ามความคิดและความรู้สึกของคนอื่นไปหมด ทุกสิ่งทุกอย่างรวมทั้งความรู้สึกนึกคิดของคนเราเปลี่ยนไปตามกาลเวลาเสมอ เราไม่รู้ว่าอะไรจะเกิดขึ้นในอนาคต ไม่รู้ว่าวันพรุ่งนี้ หรือชาติหน้า อันไหนจะมาก่อนกัน? ฉะนั้นแล้วเราควรมีความสุขกับความเป็นจริงในวันนี้เพราะพรุ่งนี้เราอาจไม่มีโอกาส...
ลองยอมถอยสัก 1 ก้าว แล้วเปิดใจเพื่อยอมรับฟังเหตุผลของคนอื่น ยอมลดทิฐิของตัวเองลง  เพื่อปรับความเข้าซึ่งกันและกัน หากคนสองคน พูดและรับฟังความรู้สึกของกันและกัน โดยใช้  “ใจ” และ “ความเข้าใจ” เป็นที่ตั้ง ปัญหาและความขัดแย้งก็จะลดลง  หากต่างคนต่างก็มีอคติต่อกัน มันก็เหมือนกับทั้งคู่ก่อสร้างกำแพงเพื่อปิดกั้นและขังตัวเองเอาไว้  นับวันกำแพงนั้นก็จะสูงขึ้นไปเรื่อยๆ จนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้เลย ฉันคิดว่า...ปัญหานี้ คุณลองจับมือกันค้นหาความหมายของการอยู่ร่วมกันน่าจะเป็นทางออกที่ดีกว่า ไม่ใช่ต่างคนต่างเก็บเอาปัญหามาโยนใส่กัน ไม่รับรู้ความรู้สึกและความนึกคิดของอีกฝ่ายจะเป็นอย่างไร โดยเฉพาะการไม่ยอมลดทิฐิที่ตัวเองมีอยู่ หัดโอนอ่อนในภาวะที่อีกฝ่ายแข็งกระด้าง เป็นสายลมเย็น ในขณะที่อีกฝ่ายเป็นลมร้อน หากต่างคนต่างใช้คำพูดที่แรงๆ ประชดประชันกัน ที่ทำอย่างนี้ก็เพื่อความสะใจ แต่ลึกๆ ข้างในก็เสียใจกับสิ่งที่ทำทั้งคู่  รู้อย่างนี้แล้วจะทำไปเพื่ออะไร? ทำแล้วมันก็ไม่ได้สร้างผลดีให้กับใครเลย ลองนึกย้อนไปช่วงเวลาที่เราต่างก็มีความสุข ถ้าความรู้สึกดีๆ จะหายไป เพียงแค่เราเผลอลืมว่ายังมีกันและกัน มันก็น่าเสียดายเวลาดีๆ เสียดายคนดีๆ และเสียดายความรักดีๆ ที่เราปล่อยให้หายไปจากใจเรา เพียงแค่เรื่องเล็กๆ น้อยๆ ที่เราคิดว่ามันเป็นเรื่องใหญ่... “ความไม่เข้าใจกัน” คงไม่ใช่สิ่งที่ดูเลวร้ายและเป็นเรื่องที่หนักหนาสาหัสจนไม่สามารถให้อภัยกันได้ หากเพียงแต่เราพร้อมใจก้าวออกมาจากทิฐิที่มีต่อกัน ลองหันกลับไปมองดูกำแพงที่ก่อเอาไว้แล้วหยิบค้อนขึ้นมาเสียตั้งแต่ตอนนี้เลยทั้งคู่ ทุบกำแพงที่กั้นกลางความไม่เข้าใจนั้นซะ แล้วเราก็จะเจออะไรบางอย่าง...นั่นไง....คำว่า “เราอภัยให้กัน” คุณทั้งคู่เจอมันแล้วรึยัง? ฉันขอฝากเรื่องนี้ให้กับเพื่อนรักของฉันทั้งสองคน เผื่อว่าอ่านแล้วจะเข้าใจกันมากขึ้น...ไม่มากก็น้อย





0 ความคิดเห็น:

แสดงความคิดเห็น

You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "