เปิดใจให้ “รักวันนี้”

                  “อดีต” ได้ผ่านไปแล้ว   “วันพรุ่งนี้ก็ยังมาไม่ถึง” ที่เราสัมผัสได้ ณ ตอนนี้ก็คือ “วันนี้เท่านั้น”  คนบางคนกลัวคำว่า “พรุ่งนี้” ไม่อยากให้พรุ่งนี้มาถึง เพราะไม่รู้ว่าตัวเองจะต้องเจอกับอะไรบ้าง ไม่รู้ว่าจะรับมือกับมันได้ไหม และไม่รู้ว่าจะทำได้ดีในแบบวันนี้หรือเปล่า? ทำไมเราต้องกังวลอยู่กับอนาคต ที่มันยังมาไม่ถึงด้วยล่ะ? ในเมื่อปัจจุบันของเรา ก็คือ “วันนี้” แล้วทำไมเราจะยอมปล่อยให้วันนี้ผ่านไปอย่างไร้ค่าโดยไม่คิดที่จะทำอะไรเลย  ทำไมเราไม่เริ่มทำวันนี้ให้เป็นวันที่ดีที่สุดสำหรับเรา ในเมื่อวันนี้มันอยู่ในมือของเราแล้ว อย่ากังวลถึงวันพรุ่งนี้ อย่าไปใคร่ควาญถึงอดีตที่ผ่านไปแล้ว ในเมื่อ “วันพรุ่งนี้” ไม่เคยมาถึง ชีวิตเรามีแต่คำว่า “วันนี้” เท่านั้น    

            ลองเดินออกจากโลกเดิมๆ ขอตัวเองบ้าง  ออกไปแสวงหาแรงบันดาลใจใหม่ๆ ฟังความคิดเห็นที่แปลกใหม่จากเพื่อนใหม่ๆ  เรียนรู้ที่จะปรับตัวเองในสังคมใหม่ๆ  ลองเปลี่ยนมุมมองความคิดของตัวเอง ด้วยการมองโลกอย่างที่โลกเป็น ไม่มองโลกอย่างที่อยากให้โลกเป็นได้...ก็จะไม่ทุกข์  การเปลี่ยนแปลงความคิดและทัศคติตนเองต่อการมองโลกเพื่อเพิ่มความมั่นใจอาจดูยาก และใช้ความอดทนพอสมควร แต่ความมั่นใจนี้เองจะทำให้คุณมีความสุขกับชีวิต กลายเป็นคนใหม่ที่รักและพอใจกับสิ่งที่คุณเป็น
ขอเพียงเปิดใจให้รักวันนี้...ที่ยังมีอีกมากมายหลายวัน แล้วทุกๆ วันในชีวิตของเราก้อจะมีความสุข...

ชีวิตคือการเรียนรู้

           ฉันตัดสินใจเลือกเรียนโรงเรียนสายอาชีพตามความรู้สึกชอบของตัวเอง มากกว่าที่จะเลือกทางเดินตามเพื่อนคนอื่นๆ ถึงแม้ว่าเพื่อนหลายๆ คนจะพูดว่าฉันตัดสินใจเลือกทางเดินที่ผิดและจะมานั่งเสียใจในภายหลัง... ฉันไม่ลังเลที่จะตอบเพื่อนๆ ทันทีว่าไม่เป็นไร ในเมื่อสิ่งที่ฉันได้ตัดสินใจไปแล้ว ฉันก็จะไม่รู้สึกเสียดายหรือเสียใจภายหลัง อย่างน้อยครั้งนี้ก็เป็นการตัดสินใจชีวิตของเราเพื่อตัวเราเอง ไม่ใช่เพื่อคนอื่น ชีวิตคือการเรียนรู้ก็จงเรียนรู้ชีวิตอย่างเข้าใจในแบบตัวเอง อย่าถึงกับต้องตามความคิดของคนอื่นเลย ถ้าเรามั่วแต่จะเดินตามคนอื่น คิดเหมือนคนอื่น และทำอย่างคนอื่นแล้วล่ะก้อ เราก็จะไม่มีวันเรียนรู้และเข้าใจอะไรในตัวเองได้เลย เหมือนกับที่เราไปยืมจมูกคนอื่นมาหายใจ โดยทั้งๆ ที่ไม่รู้ว่าตัวเองก็มีจมูกเหมือนกัน ใช้หายใจได้เหมือนกัน แต่ไม่หัดที่จะพยายามหายใจด้วยตัวเอง ถ้าเป็นแบบนี้ชีวิตคนเราก็จะไปไม่รอด เพราะมั่วแต่ยึดติดกับความคิดของคนอื่นมากเกินไป จงปล่อยตัวเองได้เรียนรู้ในชีวิตตามที่มันควรจะเป็น ดีกว่าจะผูกชีวิตของเราไว้กับคนอื่น...

เดินตามรอยเท้าคนอื่น…

เพราะจุดเริ่มต้น...คือก้าวแรกของชีวิตในวันข้างหน้าของอนาคต
มีคำๆ หนึ่งที่ว่า “ถ้าเดินตามรอยเท้าคนอื่นก็ไม่มีรอยเท้าเป็นของตนเอง” ฉันเห็นด้วยกับคำพูดนี้ เมื่อฉันต้องเจอกับการตัดสินใจครั้งสำคัญครั้งแรกในชีวิตให้กับตัวเอง ระหว่างเลือกเรียนสายสามัญตามเพื่อนส่วนใหญ่แต่ตัวเองคิดว่าไม่ถนัดในด้านนี้ (IQ ไม่ถึงก็ว่างั้นเถอะ..อิอิ) หรือเลือกเรียนสายอาชีพ (สมัยนั้นยังไม่ค่อยมีใครเลือกเรียนสักเท่าไหร่) ตอนนั้นฉันรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ไม่รู้ว่าจะเลือกเดินไปทางไหนดี ฉันมีเส้นทางเลือกเดินอยู่ 2 เส้นทาง เส้นทางที่ 1 เลือกเรียนสายสามัญตามเพื่อน ถึงตัวเองจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไร แต่อย่างน้อยก็ยังมีเพื่อนล่ะว่ะ กับ เส้นทางที่ 2 เลือกเรียนสายอาชีพ เพราะคิดว่าตัวเองเหมาะสมที่สุดที่จะไปทางด้านนี้ซะมากกว่า แต่ติดที่ว่าไม่มีเพื่อนคนไหนเลือกเรียนเส้นทางที่ 2 เหมือนกับเราเลย นี้ฉันต้องโดดเดี่ยวคนเดียวอีกแล้วเหรอเนี้ย? เมื่อคิดตัดสินใจไม่ได้สักที ฉันจึงขอคำปรึกษาจากพ่อว่าควรเลือกเส้นทางไหนดีสำหรับตัวเอง? พ่อให้แง่คิดที่ดีกับฉันว่า ให้ลูกนิ่งสักพัก ใช้สติปัญญาให้มาก แล้วลองฟังเสียงความต้องการของหัวใจตัวเอง ว่าสิ่งไหนที่ดีที่สุดสำหรับเรา ลูกเลือกที่จะเดินตามไปกับเพื่อนๆ หรือ เลือกที่จะเดินตามความฝันที่ตัวเองถนัดกันล่ะ? หากลูกไม่สามารถสร้างรอยเท้าของตนเองขึ้นได้ ก็ไม่ควรยอมเหยียบบนรอยเท้าของคนอื่น...และถึงแม้รอยเท้าของตนเองจะจางจนมองไม่เห็น...แต่ก็ยังเป็นรอยเท้าของตัวเราเองแม้ย่างก้าวของเราถึงจะสั้นและช้า...แต่ก็เป็นก้าวของเราเอง...จำไว้ให้ดีนะลูกไม่ว่าลูกจะเลือกเดินตามเส้นทางใดก็ตาม พ่อคนนี้ก็เคารพการตัดสินใจของลูกคนนี้เสมอ..

You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "