วัดป่าบ้านตาด จ.อุดรธานี


วันนี้ฉันและเพื่อนๆ ได้มีโอกาสไปร่วมทำบุญจัดตั้งโรงทานถวายแด่องค์หลวงตาพระมหาบัว ญาณสัมปันโน(พระธรรมวิสุทธิมงคล) เจ้าอาวาสวัดป่าบ้านตาด อ.เมือง จ.อุดรธานี พระเกจิอาจารย์ชื่อดังอีสาน ท่านได้ละสังขารอย่างสงบ สิริอายุรวม 98 ปี ณ วัดป่าบ้านตาด จังหวัดอุดรธานี..... ต้องขออภัยด้วยนะคะภาพถ่ายไม่ค่อยชัดเท่าไหร่ เนื่องจากถ่ายด้วยกล้องโทรศัพท์มือถือคะ...

ชาตินี้เป็นชาติสุดท้ายของเรา เราจะไม่กลับมาเกิดอีก ตลอดอนันตกาล

ความจริงเป็นสิ่งที่ทุกคนต้องการที่สุด...

ใจเป็นบ่อแห่งคุณและโทษ แห่งบุญและบาป

ปณิธานตนตามรอยองค์พระอาจารย์หลวงปู่มั่น ภูริทตฺโต

อิริยาบถของหลวงตา

"โอวาทธรรมมะครั้งสุดท้ายของหลวงตา"

โอวาทธรรมยามอาพาธของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

โอวาทธรรมยามอาพาธของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

บรรดาลูกศิษย์ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

กองอำนวยการและประชาสัมพันธ์ร่วมรับบริจาค

บรรดาลูกศิษย์ทั่วทุกสารทิศ ขึ้นมาบนศาลาเพื่อกราบไหว้เคารพศพหลวงตา

ที่ตั้งศพขององค์หลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน...คะ

นักเรียน-นักศึกษา และครูอาจารย์จากมหาวิทยาลัยราชภัฎอุดรธานี

ประชาชนจากต่างจังหวัดร่วมกันถวายแจกันดอกไม้ และพานพุ่ม แด่องค์หลวงตา

แม่ชีร่วมกันปฎิบัติธรรม ณ ใต้ถุนศาลาตั้งศพขององค์หลวงตา คะ

แม่ชีท่านนี้กำลังนั่งสวดมนต์ ให้แด่องค์หลวงตา คะ

ส่วนแม่ชีสองท่านนี้ นั่งนานไปหน่อย เลยขอยืดแข้ง ยืดขา (น่ารักดีนะคะ)

อันนี้โรงทานไข่เจียวคะ อร่อยมั่ก มาก (มาจากกรุงเทพฯ เชียวนะคะเนี้ย)

โรงทานข้าวเหนียวหมูทอด+แจ่วบอง อย่างแซ่บหลาย (อันนี้ของเจ้าของบล็อกเองคะ)เสียดายไม่ได้เข้ากล้องด้วย!!

โรงทานตำบักหุ่งจ้า (ขาดไม่ได้เลยของโปรด)

อันนี้โรงทานขนมทอดคะ คิวยาวมากกว่าจะได้กิน

ราดหน้าเจ้านี้ขายดีมาก หมดทุกหม้อ อร่อยสุดๆ(กินไปตั้งสองถ้วยแน่ะ) 



***กำหนดวันพระราชทานเพลิงศพองค์หลวงตา วันที่ 5 มีนาคมศกนี้ แต่ยังคงต้องรอหมายที่แน่นอนจากสำนักพระราชวัง จะประกาศให้ทราบต่อไปนะคะ...

คติดีๆ แด่ ทุกคน ………………..


  ขอขอบคุณข้อคิดดีๆ จาก forward mail นะคะ

ภาพแห่งความประทับใจ


ภาพที่ทุกท่านเห็นอยู่ในขณะนี้ เป็นภาพงานเขียนสีน้ำมัน รูปพระบรมฉายาลักษณ์พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ภูมิพลอดุลยเดช พระมหากษัตริย์พระองค์ที่ 9 แห่งราชวงศ์จักรี ซึ่งภาพนี้ตั้งเด่นเป็นสง่า อยู่ตรงกลางใจตึกของโรงพยาบาลศรีนครินทร์ จังหวัดขอนแก่น ในครั้งแรกที่ดิฉันเห็นภาพนี้ รู้สึกปลาบปลื้มใจเป็นอย่างมาก ฉันยืนมองภาพที่อยู่เบื้องหน้าด้วยความรู้สึกดีใจที่ได้เกิดบนผืนแผ่นดินไทย และเกิดเป็นคนไทย ใต้ร่มพระบารมีของพระองค์ท่าน ขอพระองค์ทรงพระเจริญ มีพระพลานามัยสมบูรณ์แข็งแรง เป็นมิ่งขวัญของปวงชนชาวไทยตลอดกาลนาน เทอญ...


สิ่งเล็ก ๆ ที่ยิ่งใหญ่



              ฉันเชื่อว่าสิ่งเล็กน้อยมักกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่เสมอ เหมือนกับการปลูกต้นไม้ใหญ่ แม้จะเป็นแค่เมล็ดพันธ์เล็กๆ แต่สักวัน หนึ่งเมล็ดที่เล็ก ๆ นี้แหล่ะก็จะกลายเป็นต้นไม้ใหญ่ มีดอกให้เชยชม มีผลให้กิน และให้ร่มเงากับสรรพสิ่งสิ่งมีชีวิต... บางสิ่ง บางเรื่อง เราอาจจะมองไม่เห็นเป็นเรื่องเล็กน้อย  และปล่อยผ่านไป แต่เรื่องเล็กน้อยที่เราปล่อยผ่านไปนั้น บางทีอาจเป็นเรื่องใหญ่ในวันข้างหน้าก็ได้ เราจึงควรจัดการกับทุกเรื่องด้วยความละเอียดอ่อน และรอบคอบ เพราะทุกเรื่องเล็กน้อยที่ผ่านเข้ามา มันอาจเป็นเรื่องใหญ่ได้เสมอ…. สิ่งเล็ก ๆ บางครั้งก็ยิ่งใหญ่ น้ำใจเล็กๆ น้อยๆ ไม่ได้มีความหมาย “เล็กน้อย” เลยในมุม ของคน “รับ”  ฉันเคยตั้งคำถามให้กับตัวเองว่า เราได้ทำสิ่งใหม่ๆ ที่สร้างสรรค์ และพัฒนาตัวเองบ้างรึเปล่า?  เรายอมรับข้อบกพร่องของเราหรือไม่ แก้ไขหรือปล่อยให้ผิดแล้วผิดอีก พลาดแล้วพลาดอีกอยู่หรือ? เมื่อตั้งคำถามให้กับตัวเองแล้ว เราก็ประเมินผลให้กับตัวเองสำหรับวันเวลาที่ผ่านมา... สิ่งเล็กๆ น้อยๆ เหล่านี้ หากเราสละเวลาให้ตัวเองเพียงวันละนิด มันจะทำให้เรามีวันพรุ่งนี้ที่ดีกว่าวันนี้ มีอนาคตที่สดใส เพียงแต่เราไม่มองข้ามสิ่งเล็กน้อย และฝึกฝนตนเองให้ก้าวไปในวันข้างหน้าทุกวัน..
                ฉันไม่ต้องการความยิ่งใหญ่มาก ทำอะไรก็ได้ที่พอช่วยเหลือคนอื่นได้ ไม่ต้องมากมายเกินกำลังตัวเอง เพียงแต่ทำสิ่งเล็กๆ น้อย เพราะสิ่งดีๆ เล็กๆ น้อยๆ นี้แหล่ะก็จะกลายเป็นสิ่งที่ยิ่งใหญ่และสวยงามสำหรับเรา...

สิ่งเล็กน้อยบางสิ่งที่มีความหมาย ย่อมมีค่ามากมายต่อชีวิต มากกว่าสิ่งที่ดูเหมือนยิ่งใหญ่ แต่ไม่มีความหมายใดๆ สำหรับเรา...




โจรปล้นสิบครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้แค่ครั้งเดียว


                คุณเคยได้ยินกับคำพังเพยนี้บ้างมั๊ยคะ  โจรปล้นสิบครั้ง ไม่เท่าไฟไหม้แค่ครั้งเดียว!!  ทุกครั้งที่ฉันได้ยินเสียงไซเรนรถดับเพลิงทีไร จิตใจของฉันรู้สึกหดหู่ และสลดใจ กับฉันเป็นอย่างมาก เมื่อไรที่นึกเรื่องนี้ขึ้นมา ฉันก็จะร้องไห้ทุกที... ทำไมถึงร้องไห้เหรอคะ?  ก็เพราะมันสะเทือนจิตใจของฉันน่ะสิ มันเป็นอดีตที่ฉันจะไม่มีวันลืมจากวันนั้นจนถึงวันนี้ ภาพที่บ้านของย่าที่ฉันอาศัยอยู่ถูกไฟไหม้ทั้งหลัง ไม่เหลืออะไรเลยสักชิ้นเดียว เหลือเพียงแต่เถ้าถ่านไว้ให้ดูต่างหน้าเท่านั้น..ฉันเฝ้าโทษตัวเองที่เป็นต้นเหตุให้บ้านต้องถูกไฟไหม้ มันเป็นเรื่องเลวร้ายที่สุดในชีวิตที่ฉันเจอมา...เหตุการณ์ในวันนั้นเกิดขึ้นเพราะความประมาทของตัวฉันเอง ก่อนที่จะปิดประตูบ้านและออกไปเรียนตามปกติทุกวัน แต่วันนั้นฉันรู้สึกมีลางสังหรณ์อะไรสักอย่างว่าจะเกิดเรื่องไม่ดีกับตัวฉันเอง แต่ก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่ ฉันกวาดสายตาไปภายในบ้านและรอบๆ บริเวณบ้าน เหมือนกับว่าการมองครั้งนี้จะเป็นการมองครั้งสุดท้ายของฉัน...และมันก็เป็นอย่างนั้นจริงๆ ในช่วงเวลากลางดึกตีสอง ฉันได้แต่ร้องไห้เป็นลมทั้งยืนต่อหน้ากองไฟที่กำลังลุกโชกช่วงไหม้ไปหมดทั้งหลัง รถดับเพลิงที่จอดอยู่ข้างฉันนับ 2-3 คัน ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เพราะทุกอย่างมันไหม้ไปหมดแล้ว ได้แต่ยืนมองดูเท่านั้น สันนิษฐานว่าสาเหตุเกิดจากไฟฟ้าลัดวงจร.... เมื่อวันเวลาผ่านไปนานเท่าไหร่ ฉันก็ยังจำเหตุการณ์วันนั้นได้ดีไม่มีวันลืม... มันเป็นบทเรียนครั้งยิ่งใหญ่สำหรับฉันที่ต้องจดจำ เพื่อเตือนสติให้กับตัวเองในการตั้งอยู่ในความไม่ประมาท...

ขืนทำจะช้ำใจ

ขืนทำจะช้ำใจ
คำสอนโดย ท่าน ว.วชิร เมธี 
วันนี้ได้รับ forward mail บทความ โดยคำสอนของท่าน ว.วชิร เมธี เลยอยากแบ่งปันให้เพื่อนได้อ่านกันคะ







                                    ขอบุญกุศลเหล่านี้จงบังเกิดแก่ผู้อ่านทุกท่านนะคะ







You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "