ธรรมะขำๆ






จุดเริ่มต้นของการก้าวเดินต่อไป

คนเรา มักคิดว่าตัวเองไม่พร้อมที่จะเริ่มทำอะไรเพื่อใคร ไหนจะติดเรื่องเวลาและโอกาส แต่จริงๆ แล้ว เราอย่าไปรอความพร้อม เพราะเราก็จะรอไปเรื่อยๆ ฉะนั้นแล้ว ถ้าคิดว่าสิ่งที่เราคิดรอบคอบแล้วว่าจะทำเป็นสิ่งที่ดีก็ทำไปเลย ทำอะไรได้ก็ทำไป(แต่ต้องไม่เดือดร้อนคนอื่น) ปัญหาที่เกิดมาทีหลังจะบอกเราเองว่าตรงไหนที่เราไม่พร้อม...เราจะเรียนรู้ได้ก็ต่อเมื่อเราต้องมีความเชื่อมั่นในตัวเองก่อน เชื่อมั่นว่าตัวเองจะต้องทำได้ ไม่มีอะไรในโลกนี้ ที่เราทำไม่ได้ นอกจากเสียว่าเราไม่ตั้งใจที่จะทำมันจริงๆ คือยอมแพ้มันเสียก่อนที่จะลงมือทำ เมื่อยังก้าวไปไม่ถึง เราต้องเรียนรู้ที่จะพัฒนาตัวเองไปด้วย หาจุดด้อยและแก้ไขปัญหาและอุปสรรค ที่สำคัญต้องไม่ย่อท้อที่จะพยายามจนกว่าจะสำเร็จ คนเราต้องเรียนรู้อะไรบางอย่างได้เสมอและต้องกล้าที่จะก้าวออกไปแสวงหามัน ไม่ต้องคิดที่จะไปต่อสู้กับใครคนอื่นเค้า แต่จงสู้กับใจตัวเอง...แค่ฟันฝ่าอุปสรรคชนะใจตัวเองได้ก็เท่ากับว่า เราได้เริ่มต้นก้าวข้ามความสำเร็จไปอีกหนึ่งขั้นแล้วล่ะคะ.... “อย่ากลัวที่จะก้าวยาว ๆ เมื่อต้องข้ามอุปสรรคที่ยิ่งใหญ่”

"พ่อบอกว่า"








                                      ขอบคุณข้อมูลดีดีจาก forward mail คะ

ความรักครั้งแรก...


การที่เราจะเลือกที่จะรัก หรือจะตัดสินใจอยู่กับใครซักคน เราคิดถึงอะไรเป็นอันดับแรก หน้าตา ฐานะ หน้าที่การงาน  หรือแค่อยู่ด้วยแล้วมีความสุขจริงๆ?  ที่จริงแล้วการเขียนเรื่องราวเกี่ยวกับความรักเป็นเรื่องที่ฉันเองหนักใจที่จะเขียนมากที่สุด เพราะไม่รู้ว่าจะเริ่มต้นยังไง และจบลงยังไงให้มันดูสวยงาม...เพราะสำหรับฉันแล้ว “ความรัก” ยังเป็นเรื่องที่ดีสำหรับฉันเสมอ... ความรักครั้งแรกของฉันเกิดขึ้นเมื่อ 14 ปีที่แล้ว (โห..ฟังดูเหมือนนานจังเลยแฮะ).... เรื่องราวการเดินทางความรักของฉันเกิดจากความสนิทสนม ใกล้ชิดกัน บ้านฉันกับเขาอยู่ติดรั้วเดียวกัน เราเจอหน้ากันทุกวัน พูดคุยหยอกล้อกันทุกวัน จากความสนิทสนมใกล้ชิดจึงก่อเกิดความรักขึ้นมา และเราก็เริ่มคบกันแบบจริงจัง...1 ปี...3 ปี...5...ปี...และ 7 ปี...วันเวลาผ่านไปอย่างรวดเร็ว  แต่แล้ววันหนึ่งความรักนั้นก็จบลงมีอันต้องเลิกรากันไป (แบบไม่สวยงามสักเท่าไหร่ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอาถรรพ์เลข 7 รึปล่าว อันนี้ไม่ทราบเหมือนกัน) ฉันคิดว่าคนเราเกิดมาเพื่อพบกัน เพื่อมีวันเวลาที่ดีด้วยกัน และเพื่อพรากจากกันในที่สุด ไม่ช้าก็เร็ว อันนี้ก็เห็นจะจริง เมื่อเราเริ่มต้นมีความรัก . . ทุกอย่างมันก็เหมือนกับถูกกำหนดปลายทางเอาไว้แล้วโดยคน 2 คน ซึ่งไม่มีใครล่วงรู้หรอกว่า มันจะสั้นจะยาวแค่ไหน จริงมั๊ยล่ะคะ?  ความแน่นอนก็มีความไม่แน่นอนอยู่ในตัวมัน ทุกอย่างเริ่มต้นก็ต้องมีจบ...วันนี้ฉันจึงมีความสุข ถึงแม้ว่าเราจะเลิกราห่างกันไป แต่อย่างน้อย ฉันก็ไม่เสียใจ ในสิ่งที่ฉันทำ...มีวันที่เลวร้าย มีวันที่สวยงาม มีวันที่ว่างเปล่า สุขก็อยู่กับเราไม่นาน ทุกข์ก็อยู่กับเราไม่นาน ความสุขเคยแวะผ่านมาแล้วก็ผ่านไป ความทุกข์ก็เช่นเดียวกัน วันนี้ฉันมีความทรงจำที่ดีระหว่างเรา ฉันจึงมีเรื่องให้นึกถึงวันดีดีมากมาย และฉันก็ได้ยิ้มให้กับความทรงจำนั้น แม้ว่ารักต้องจบลงแต่ความทรงจำของความรักก็ยังคงเป็นสิ่งที่สวยงามสำหรับฉันเสมอ...ขอบคุณนะที่ทำให้ฉันได้รู้จักความรัก ได้สัมผัสกับสิ่งที่สวยงามได้มีความทรงจำที่ดีดีและได้ยิ้มเมื่อคิดถึงรักครั้งนั้น



ทำวันนี้ให้ดีที่สุด...

บางทีเส้นทางชีวิตของฉัน อาจสอนให้เรารู้ว่า สิ่งที่ผิดพลาดในอดีต อาจจะไม่สามารถแก้ไขอะไรได้ก็จริง แต่ปัจจุบันนั่นแหล่ะที่เราต้องทำให้ดีที่สุด “วันพรุ่งนี้ยังมีเสมอ” อยู่ที่ว่าเรานั้นได้อะไรจากบทเรียนแห่งชีวิตที่ผ่านมาต่างหาก บางทีเราก็คิดได้สองมุม เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุด เพราะเราไม่รู้ว่าจะมีวันพรุ่งนี้สำหรับเราหรือไม่ หรืออีกในมุมหนึ่งก็คือ เราต้องไม่ย่อท้อต่ออุปสรรคใดๆ และต้องพร้อมลุกขึ้นใหม่ ไม่มีคำว่าสายเกินไปสำหรับการเริ่มต้นและแก้ไข คนบางคนเลือกโอกาสเพื่อที่จะพิสูจน์ความสามารถให้กับตัวเอง แต่คนบางคนก็เลือกคำที่จะแก้ต่างให้ตัวเองไปวันๆ ฉะนั้นแล้ว เราต้องทำวันนี้ให้ดีที่สุดก่อน และบอกตัวเองว่าวันนี้เป็นวันที่ดีสำหรับการเริ่มต้นกับสิ่งใหม่ๆ เราเปลี่ยนเมื่อวานไม่ได้ และเรายังกำหนดอนาคตไม่ได้ เราต้องทำวันนี้ของเราให้ดีที่สุดก่อน หากมีอะไรผิดพลาด ก็เปิดใจยอมรับมัน และเรียนรู้ข้อผิดพลาดเพื่อที่จะนำไปแก้ไข และพร้อมที่จะเริ่มต้นใหม่ได้เสมอ...ทำวันนี้ให้ดีที่สุด แล้ววันพรุ่งนี้ก็จะดีเอง...

คิดบวก...ชีวิตบวก













 ขอขอบคุณข้อคิดดีๆ จาก forward mail


"..แต่ละช่วงของชีวิต.."











ขอขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก forward mail

"ธรรมมะทำไม"












                                 ขอขอบคุณข้อมูลจาก forward mail ด้วยนะคะ




เด็กหอ..


                 
           หลังจากไฟไหม้บ้านครั้งนั้น ฉันก็ใช้ชีวิตแบบเด็กหอทั่วๆ ไปแต่ไม่ได้อยู่คนเดียวหรอกนะคะ คุณพ่อค่อนข้างเป็นห่วงลูกสาว อิอิ... ฉันอยู่กะเพื่อสาวคนสนิทที่สุดคนหนึ่ง เรามักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ เรียนด้วยกัน กินด้วยกัน แล้วก็นอนด้วยกัน อะอ่ะ อย่าคิดลึกเชียวนะคะ!! คบกันมาปีนี้ก็ 12 ปี ได้แล้วมั่ง...


            การใช้ชีวิตเด็กหอร่วมเวลา 7-8 ปี ของฉัน ค่อนข้างเรียบง่าย กินง่าย อยู่ง่าย ว่างั้นเถอะเสาร์-อาทิตย์ก็กลับบ้าน วันจันทร์ถึงวันศุกร์ก็มาเรียนหนังสือตามปกติ(ตอนนั้นยังขอเงินพ่อแม่ใช้อยู่เลย) แต่ก็มีบางครั้งที่ไปเที่ยวกันตามประสาวัยรุ่น ช้อปปิ้ง ดูหนัง ฟังเพลง เที่ยวตามผับตามบาร์ ดื่มบ้างเล็กน้อย ใช้ชีวิตแบบสนุก ไปวันๆ โดยไม่ซีเรียสอะไรสักเท่าไหร่...(แต่ไม่ใจแตกนะจ๊ะ..อิอิ) แต่ฉันก็ไม่เคยทิ้งการเรียน ยังอยู่ในเกณฑ์ดีมาตลอด จึงไม่เป็นที่น่าหนักใจของผู้ปกครองนัก....ฉันเรียนจบชั้น ปวช.3 ปี แล้วเรียนต่อ ปวส.อีก 2 ปีมีเพื่อนที่สนิท แบบว่าซี้สุดๆ อยู่ด้วยกัน 5 คน แล้วพวกเราก็เรียนห้องเดียวกันโดดเรียนด้วยกันแล้วก็ไปมั่วสุมเล่นไพ่ที่หอพักของฉันเองแหล่ะ
(อันนี้พฤติกรรมไม่ดีนะคะ) ช่วงระยะเวลา 5 ปี ที่ฉันอยู่กับเพื่อนๆ นั้น เป็นช่วงเวลาที่มีความสุขที่สุด ทั้งเรียน ทั้งเล่น คละเคล้ากันไป ถึงแม้ตอนนี้พวกเราต่างก็แยกย้ายกันไปใช้ชีวิตของใครของมัน แต่พวกเราก็ยังติดต่อกันเรื่อยมา... จวบจนเวลาล่วงผ่านเลยไป ฉันก็ต้องกลับมาใช้ชีวิตอยู่คนเดียวในห้องพักตามลำพัง บางครั้งก็รู้สึกเหงา หว้าเหว่ แต่ก็ไม่ถึงกับว่าซึมเศร้า เพราะคิดว่าชีวิตของฉันยังมีอะไรอีกตั้งเยอะแยะที่ยังไม่ได้ทำ จะมั่วมานั่งซึมเศร้าไม่ได้ เพราะในเมื่อชีวิตเรายังมีลมหายใจอยู่ก็ต้องก้าวเดินต่อไป...                                                          "ถ้าผูกตัวเองติดกับใครก็จะอยู่ไม่ได้ถ้าขาดเขา" 

“คำพูดเปรียบเสมือนดาบสองคม”










You can replace this text by going to "Layout" and then "Page Elements" section. Edit " About "